วช. เปิดเวทีเสวนาภาษีตอบโต้ เขย่าอนาคตมันสำปะหลังไทย ผนึกกำลังผู้เชี่ยวชาญหาทางรอดในยุคสงครามการค้า

SHARE

วช. เปิดเวทีเสวนาภาษีตอบโต้ เขย่าอนาคตมันสำปะหลังไทย ผนึกกำลังผู้เชี่ยวชาญหาทางรอดในยุคสงครามการค้า

วันที่ 14 สิงหาคม 2568 สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดการเสวนา หัวข้อ “เรื่อง Reciprocal Tariffs & Tapioca ภาษีตอบโต้ในบริบทโลก : โอกาสหรือวิกฤติทางรอดของอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยในยุคสงครามการค้า“ ร่วมกับ ศูนย์กลางความรู้และเทคโนโลยีด้านมันสำปะหลัง โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ มอบหมายให้ นางสุภาพร โชคเฉลิมวงศ์ ผู้อำนวยการกองบริหารทุนวิจัยและนวัตกรรม 1 ให้เกียรติกล่าวต้อนรับในพิธีเปิดการเสวนา พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอต ประธานคณะกรรมการกำกับและติดตามการพัฒนาศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญ (Hub of Talents) และศูนย์กลางความรู้ (Hub of Knowledge) ด้านเศรษฐกิจและการเกษตร กล่าวเปิดการเสวนา รองศาสตราจารย์ ดร.วันวิสา ศิริวรรณ์ ผู้บริหารจัดการศูนย์กลางความรู้และเทคโนโลยีด้านมันสำปะหลัง กล่าวรายงานและแนะนำศูนย์กลางความรู้และเทคโนโลยีด้านมันสำปะหลัง โดยจัดขึ้นภายในงาน อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนด้วยพลังสหวิทยาการ ณ ห้องประชุม MR211AB ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

นางสุภาพร โชคเฉลิมวงศ์ กล่าวถึง การเสวนานี้จัดโดยศูนย์กลางความรู้และเทคโนโลยีด้านมันสำปะหลัง ภายใต้การสนับสนุนจาก วช. มันสำปะหลังเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทยที่มีบทบาทยาวนาน แต่ปัจจุบันเผชิญความท้าทายหลายด้านซึ่งอาจกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน วช. จึงเล็งเห็นความสำคัญของการขับเคลื่อนกลไกการพัฒนาศูนย์กลางองค์ความรู้และเทคโนโลยีเพื่อเสริมศักยภาพอุตสาหกรรม การเสวนาครั้งนี้เป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและสะท้อนภาพรวมสถานการณ์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ส่งผลต่อสินค้าเกษตรสำคัญอย่างมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่คุณค่าเศรษฐกิจระดับโลก ทั้งนี้คาดว่าการพูดคุยจะจุดประกายความรู้ใหม่ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และวางแนวทางปรับตัวเชิงรูปธรรม เพื่อให้ไทยสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงในเวทีการค้าระดับโลกต่อไป

รองศาสตราจารย์ ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอต กล่าวถึงสถานการณ์นโยบายกีดกันทางการค้าและภาษีตอบโต้จากหลายประเทศที่กระทบต่อสินค้ามันสำปะหลังซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย การจัดเวทีครั้งนี้จึงเป็นการตอบรับต่อความท้าทายและสร้างกลไกปรับตัวเชิงวิชาการ และชื่นชมความมุ่งมั่นของ วช. ในการพัฒนากลไกให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ รวมถึงบทบาทของศูนย์กลางความรู้และเทคโนโลยีด้านมันสำปะหลังในการบูรณาการองค์ความรู้ เทคโนโลยี และเครือข่ายความร่วมมือ ตลอดห่วงโซ่มันสำปะหลังจากเกษตรกรถึงการส่งออก เป้าหมายคือเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน และยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน

รองศาสตราจารย์ ดร.วันวิสา ศิริวรรณ์ กล่าวถึง มันสำปะหลังเป็นพืชยุทธศาสตร์ระดับโลกที่เลี้ยงผู้คนหลายร้อยล้านคน โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อม ใช้ปัจจัยการผลิตต่ำแต่ให้ผลตอบแทนมั่นคง สำหรับประเทศไทย มันสำปะหลังเป็นเสาหลักทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้มหาศาล และทำให้ไทยเป็นผู้ส่งออกอันดับ 1 และผู้ผลิตอันดับ 2 ของโลก ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังของไทยถูกใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น อาหารสัตว์ แป้งมัน และเชื้อเพลิงเอทานอล ซึ่งสำคัญต่อเศรษฐกิจและความมั่นคงด้านพลังงานและอาหาร ศูนย์กลางความรู้และเทคโนโลยีด้านมันสำปะหลังจึงก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้และนวัตกรรมครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ภารกิจหลัก ได้แก่ วิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ใหม่ที่ทนโรคและปรับตัวกับสภาพภูมิอากาศ ถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกร และสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อให้เกษตรกรไทยรับมือความท้าทาย เช่น โรคพืช ภัยแล้ง และต้นทุนสูง พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืนและรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดโลกต่อไป

พร้อมกันนี้ ยังได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิ มาร่วมเสวนาแลกเปลี่ยนความรู้ ในหัวข้อ Reciprocal Tariffs & Tapioca : เมื่อภาษีโลกเขย่าอนาคต มันสำปะหลังไทย” โอกาสหรือวิกฤติทางรอดของอุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทยในยุคสงครามการค้า” โดย นายกิตติ สุขสมิทธิ์ เลขาธิการสมาคมแป้งมันสำปะหลังไทย นายอำนาจ สุขประสงค์ผล นายกสมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย นายปวริศ หาญณรงค์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาตรฐานสินค้า กรมการค้าต่างประเทศ ดร.วิโรจน์ ณ ระนอง ผู้อำนวยการวิจัย ด้านสาธารณสุขและการเกษตร สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) และดำเนินรายการโดย นายวุฒิพงษ์ ตุ้นยุทธ์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญจากหลายภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ภาครัฐ และนักวิจัย มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับผลกระทบของภาษีตอบโต้และมาตรการกีดกันทางการค้าโลกต่ออุตสาหกรรมมันสำปะหลังไทย พร้อมทั้งวิเคราะห์ว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็น “โอกาส” หรือ “วิกฤติ” และร่วมกันหาแนวทางรับมือ ปรับตัว และเสริมความสามารถในการแข่งขันของไทยในตลาดโลกอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงาน อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND มีการประชุม บรรยาย เสวนา Workshop ในหัวข้อต่าง ๆ มากกว่า 130 หัวข้อ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพของหน่วยงานในกระทรวง อว. ในการสร้างความแข็งแกร่งของสหวิทยาการในทุกด้าน ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงและเทรนด์ของโลก “อว.แฟร์ จุดประกายความฝันใหม่ และสร้างแรงบันดาลใจเพื่อต่อยอดให้กลายเป็นความจริง” ซึ่งสามารถเข้าร่วมได้ตั้งแต่บัดนี้ – 17 สิงหาคม 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

SHARE

ข่าวและประกาศอื่น ๆ

วช. จัดเสวนา “งานวิจัยและนวัตกรรมสู่การสิ้นสุดการเป็นของเสีย” ขับเคลื่อนแนวคิด End-of-Waste

วช. เปิดเวที ‘พลังจุลชีพ พลิกอนาคตไทย’ โชว์ศักยภาพไมโครไบโอม ขับเคลื่อนสุขภาพหนึ่งเดียวสู่สากล

วช. ร่วมกับศูนย์กลางการเรียนรู้การอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพในลุ่มน้ำโขง จัดการประชุม “ความหลากหลายทางชีวภาพ : จากรากสู่ความมั่งคั่งยั่งยืน”

วช. จัดเสวนา “วัสดุคาร์บอนต่ำทางการเกษตร จากงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และอนาคต Net Zero” ในงาน อว.แฟร์ 2025