วช. ร่วมกับ HTAPC จัดเสวนา “การพัฒนาและใช้ประโยชน์ระบบ “ตามไฟ” และระบบ “ตามรอยเผา” ในงาน อว.แฟร์ 2025

SHARE

วช. ร่วมกับ HTAPC จัดเสวนา “การพัฒนาและใช้ประโยชน์ระบบ “ตามไฟ” และระบบ “ตามรอยเผา” ในงาน อว.แฟร์ 2025

สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จัดการเสวนาในหัวข้อเรื่อง “การพัฒนาและใช้ประโยชน์ระบบ “ตามไฟ” และระบบ “ตามรอยเผา”‎” โดย ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ‎ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ ให้เกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดการเสวนา ซึ่งจัดขึ้นภายในงาน อว.‎แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากองค์ความรู้ วิจัย และนวัตกรรม (อววน.) เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างยั่งยืนด้วยพลังสหวิทยาการ ระหว่างวันที่ 9 – 17 สิงหาคม ‎‎2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ กล่าวว่า วช. ให้ความสำคัญกับการบริหารแผนงานวิจัยและนวัตกรรมเกี่ยวกับ PM2.5 ซึ่งปัจจุบันได้พัฒนาไปสู่การต่อยอดร่วมกับการทำงานแบบเครือข่าย ทำให้เกิดการดำเนินงานหลายรูปแบบ โดยระบบ “ตามไฟ” และ “ระบบตามรอยเผา” ที่ วช. ได้ให้การสนับสนุนการวิจัยและนวัตกรรม ได้มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมส่งเสริมการเกษตร และ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นำไปใช้งาน โดยศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ (HTAPC: Hub of ‎Talents on Air Pollution and Climate)‎ เป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนผลงานวิจัย และเป็นหนึ่งในผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่หลากหลายของ กระทรวง อว. ซึ่งได้มีการนำมาเสนอในงาน อว.แฟร์ ‎

ดร.สุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา ‎ผู้อำนวยการศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านมลพิษอากาศและภูมิอากาศ กล่าวว่า การเผาชีวมวลในพื้นที่การเกษตร รวมถึงการเกิดไฟป่ามีความสำคัญที่ต้องมีการจัดการ ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล และพื้นที่ภาคเหนือในช่วงที่ประสบปัญหา PM2.5 สูง โดยการจัดการกับปัญหาคือการชี้ถึงการเกิด‎ไฟให้เร็วที่สุด เพื่อให้จัดการได้โดยเร็ว ซึ่ง วช. ได้สนับสนุนทุนวิจัยและนวัตกรรมในปี 2567 คือ ระบบตามไฟ ‎สำหรับติดตามสถานการณ์ในพื้นที่โล่ง และ ระบบ ”ตามรอยเผา“ สำหรับติดตามร่องรอยการเผาไหม้ที่เกิดจากไฟป่าและการเผาชีวมวลในพื้นที่โล่ง
ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับระบบการรับรองการปลอดการเผาต่าง ๆ ‎อาทิ GAP เพื่อติดตาม รวมถึงสามารถนำทั้งสองระบบไปใช้กับการติดตามประเมินผล เพื่อการพัฒนานโยบายในการควบคุม PM2.5 ในภาพใหญ่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการใช้ผลงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหา‎ของประเทศ

รศ. ดร.สรรเพชญ ชื้อนิธิไพศาล ได้บรรยาย การติดตามไฟป่าโดยใช้ระบบตามไฟ (tamfire) ซึ่งสามารถทราบข้อมูล hotspot ปัจจุบัน ข้อมูล hotspot ย้อนหลัง ทำให้สามารถคำนวณหาต้นกำเนิดไฟ และสรุปผลเชิงพื้นที่ตามขอบเขตจังหวัดหรือพื้นที่ป่าไม้ โดยใช้ข้อมูล hot spot จากดาวเทียม ซึ่งเป็นการต่อยอดจากข้อมูล big ‎data ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าดูข้อมูลได้ใน website https://tamfire.net/‎

ผศ. พ.ท. ดร.สรวิศ สุภเวชย์ ได้บรรบาย การพัฒนาและใช้ประโยชน์ ระบบ “ตามรอยเผา” ในการติดตามพื้นที่เผาไหม้ ‎‎(Burn Scar) ที่เกิดขึ้นจากไฟป่าและการเผาชีวมวลในที่โล่ง โดยใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูงเพื่อตรวจสอบพื้นที่เกษตรกรรมและป่าไม้ที่มีร่องรอยการเผา วัตถุประสงค์ของการตามรอยเผา เพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่ตามรอยเผาที่เกิดขึ้นได้ และช่วยตรวจวัสดุทางการเกษตรแปลงนั้นมีการเผาหรือไม่ ทำให้ลดภาระการทำงานของเจ้าหน้าที่ ผู้สนใจสามารถเข้าดูข้อมูลได้ใน Website https://tamroypao.hii.or.th

และปิดท้ายด้วยการตอบคำถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันระหว่างผู้เข้าร่วมการเสวนาและวิทยากร ‎โดยได้รับเกียรติจาก ดร.เจน ชาญณรงค์ รองประธานสภาลมหายใจ กทม. ให้เกียรติร่วมเป็นวิทยากรในการตอบคำถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการเสวนาดังกล่าว

ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงาน อว.แฟร์ : SCI POWER FOR FUTURE THAILAND มีการประชุม บรรยาย เสวนา ‎Workshop ในหัวข้อต่าง ๆ มากกว่า 130 หัวข้อ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและศักยภาพของหน่วยงานในกระทรวง อว. ในการสร้างความแข็งแกร่งของสหวิทยาการในทุกด้าน ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงและเทรนด์ของโลก “อว.แฟร์ จุดประกายความฝันใหม่ และสร้างแรงบันดาลใจเพื่อต่อยอดให้กลายเป็นความจริง”

SHARE

ข่าวและประกาศอื่น ๆ

วช. เปิดเวทีเสวนา “Scam City: ถอดรหัสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ และการหลอกลวงข้ามพรมแดน”

วช. จัดเสวนา “เห็ดไทย : พลิกวิกฤต สร้างโอกาส สู่ความยั่งยืน” เปิดเวทีแลกเปลี่ยนนวัตกรรมเพื่ออุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร

“อว.แฟร์ 2025” วันที่หกยังคึกคัก! คนแห่ชมไฮไลต์วิทย์–นวัตกรรมสุดล้ำ

วช. ผนึกภาคีวิจัย จัดเสวนาพัฒนาเทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ สร้างนวัตกรรมลดคาร์บอน