มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) โดย อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) เดินหน้าผลักดันวงการวิจัยไทยสู่เวทีโลก จัดงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติสุดยิ่งใหญ่ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 “The 3rd International Symposium on Healthcare and Plasma Innovation for Future Society 2025” (IHP 2025) ระหว่างวันที่ 20-23 มกราคม 2568 ณ สาำนักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภายใต้การสนับสนุนจากสำนักงาน การวิจัยแห่งชาติ (วช.) ในโครงการ “ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพลาสมาอย่างยั่งยืน”
ซึ่งไฮไลท์สำคัญในปีนี้ “IHP 2025” ได้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของโลกกว่า 29 ท่าน จำกประเทศไทย สาธารณรัฐเกำหลี และไต้หวัน นำโดย Prof. Daesoo Kim จาก KAIST Wonjin Cell Therapy Center, ศ.ดร.นพ.ดำเนินสันต์ พฤกษากร จากคณะแพทยศำสตร์ มช., Dr. Yong Sup Choi จำก Korea Institute of Fusion Energy และ รศ.ดร.คมกฤต เล็กสกุล จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มช. พร้อมด้วยนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำอีกมากมายมาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้โดยมุ่งเน้นเจาะลึกนวัตกรรมล่าสุดทั้ง 2 หัวข้อหลัก ที่กำลังเปลี่ยนโลก อันได้แก่ Healthcare Innovation และ Plasma Engineering and Applications เพื่ออัปเดตเทรนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมทางการแพทย์และเทคโนโลยีพลาสมา
ในการนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดี มช. ได้ให้เกียรติเป็นประธาน ในพิธีเปิดงานดังกล่าว พร้อมด้วย Prof. Dr. Choongsik Bae จาก Korea Advanced Institute of Science and Technology (KAIST) และรศ.ดร.ปิติวัฒน์ วัฒนชัย ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มช. ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีเปิดงานฯ โดยได้รับการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) นำโดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมด้วย หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคนและทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษำ การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) และ Hub of Talents for Plasma Technology (HPlas) ศูนย์รวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีพลาสมาอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกัน ยังได้กำลังสำคัญอันแข็งแกร่งระหว่างหน่วยงานภายใน มช. ประกอบด้วย คณะแพทยศาสตร์ ศูนย์วิจัยวัสดุศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ และสถาบันวิศวกรรมชีวการแพทย์ ร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง KAIST จากสาธารณรัฐเกาหลี นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับงานวิจัยไทย สู่เวทีระดับสากล
ด้าน รศ.ดร.ปิติวัฒน์ วัฒนชัย ผู้อำนวยการอุทยานฯ เผยว่า STeP ดำเนินกำรจัดงานประชุมวิชาการระดับนานาชาติ IHP มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยทุกปีเราได้รับความร่วมมือและการตอบรับที่ดีจากพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของ มช. ในการเป็นศูนย์กลางการวิจัยและพัฒนาด้านนวัตกรรมการแพทย์และเทคโนโลยีพลาสมาในระดับภูมิภาค อีกทั้ง STeP ยังมีบทบำทสำคัญในการเป็นตัวกลางเชื่อมโยงเครือข่ายความร่วมมือระหว่างภำคกำรศึกษำ กำรวิจัย และภำคอุตสำหกรรม ผ่ำนกำรจัดกิจกรรมและโครงกำรต่ำงๆ อย่ำงต่อเนื่อง โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งการประชุมครั้งนี้นั้น มีส่วนช่วยสร้างโอกาสให้นักวิจัยไทยได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้เชี่ยวชำญระดับโลก ซึ่งไปสู่การพัฒนำโครงการวิจัยร่วมกันในอนาคต นอกจากนี้ ยังเป็นเวทีสำคัญในการแสดงศักยภาพ ของนักวิจัยรุ่นใหม่ของไทย อันจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศต่อไป
ความสำเร็จของงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับองค์ความรู้และนวัตกรรมใหม่ๆ แต่ยังมีศักยภาพในการสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมการแพทย์และการผลิต โดยการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรมจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างนักวิจัยไทยและต่างประเทศ จะเสริมสร้างโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และทรัพยากรที่มีคุณค่า ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ไม่เพียงแค่ตอบโจทย์ในระดับประเทศ แต่ยังสามารถแข่งขันในเวทีระดับโลกได้อย่างยั่งยืน ผลกระทบของงานวิจัยนี้จะมีอิทธิพลในหลายมิติ ทั้งการสร้างงานใหม่ๆ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านการพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบสนองต่อความต้องการจริงในทุกภาคส่วน
